เมื่อเย็นนี้ไปวัดมาครับ ซื้อของสัฆทานไปถวายพระ
ก็เลยวันเกิดมาหลายวันแล้ว พักนั้นติดงานหลายอาทิตย์
มาวันนี้เพิ่งว่าง เลยไปวัดซะหน่อย
ได้ไปทำวัตรเย็น ได้ไปสวดมนต์ ได้ไปทำสมาธิ ก็ดีขึ้น
รู้สึกสบายขึ้น ทั้งตัวแล้วก็ใจ
ทำวัตรเย็นเสร็จ หลวงปู่ท่านก็ลงเทศ เกือบชั่วโมงแน่ะ
เสร็จแล้วก็ถวายสังฆทาน
แล้วก็ลงมาคุยกับพระอาจารย์ที่ใต้ศาลา ..
พระอาจารย์ท่านก็ถาม คืนนี้นอนวัดหรือเปล่า? ผมก็ปฏิเสธเหมือนเดิม แหะ...
เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้า ม. ด้วยน่ะ
พระอาจารย์ท่านก็บอก ไปนอนบนศาลาสิ ชั้นสอง ลมพัดเย็นดี แต่ดึกๆ ก็น่ากลัวหน่อยนะ
บางทีหมาก็หอน ... เอ ... เด๋วนี้วัดเราหมาหอนแล้วนะเนี่ยย เคยไปนอนอยู่ ไม่นักได้ยิน
พระอาจารย์ก็เล่า ตอนที่ท่านเคยไปนอนในป่าช้า เพื่อทดสอบจิตใจว่าความกลัว
ของตัวท่านมีมากขนาดไหน .. ก็มีโยมคนนึงนั่งคุยอยู่ด้วย เค้าก็เล่า ว่า
มีคนรู้จักคนนึงเค้าตายไป ตอนสวดศพก็นิมนต์พระมา 8 รูป ขณะพระกำลังสวดอยู่
เค้าก็ฟื้นขึ้นมา มือก็เคาะที่ฝาโลง พระทุกรูปก็เงียบ พอเค้าได้ยินพระเงียบก็เริ่มเคาะอีกสองที
เท่านั้นหล่ะ ทั้งพระทั้งโยมวิ่งกันกระจาย ... หลังจากนั้นนก็มาเล่าให้ฟังกับสิ่งที่เค้าได้ไปเห็น
หลังจากความตาย .. เค้าบอกว่า เค้าเห็นนรก อยู่ใกล้นี่หล่ะ ที่อ.หล่มสัก นั่นที่นึง
แล้วอีกที่ก็ที่มุกดาหาาร อ. อะไรผมจำไม่ได้เท่าไหร่ เค้าบอกว่า เห็นกระทะทองแดง
หน้ากว้างประมาณ 11 กม. คงจุคนได้เยอะมากเลยน่ะ แต่ดูก็น่ากลัวนะ ตรงที่เค้าบอกว่า
หลังจากนั้นเค้าก็ไปตามบ้าน แล้วไปบอกบ้านต่างๆ ถึงคนที่เคยเสียชีวิตตามบ้านนั้น
ให้คนในบ้านทำบุญส่งไปให้คนที่ตายไปแล้วบ้าง แปลกตรงที่เค้าบอกชื่อคนที่เสียชีวิต
ได้อย่างถูกต้องในแต่ละบ้านทั้งที่หลายบ้านนั้นเค้าไม่เคยรู้จักกันเลย
เค้ายังเล่าว่า เค้าได้ไปเห็นสิ่งของต่างๆที่เค้าเคยได้ทำบุญ กองอยู่บนสวรรค์
เค้าเล่าว่าจำได้ว่าเคยถวายขันใบนึง ที่สลักชื่อไว้ที่ขันนั้น เค้าก็เห็นขันใบนั้นอยู่บนสวรรค์ด้วย
พร้อมขื่อที่เค้าสลักอย่างถูกต้อง .. น่าแปลกใจมั้ยครับ
นี่หล่ะครับ ที่เค้าเรียกว่า บุญปาบมีจริง เรายังมีโลกที่เรายังมองไม่เห็นอยู่อีก
มันอยู่ใกล้เรานิดเดียว เพียงแต่ตาเนื้อเรามองไม่เห็นเท่านั้นเอง ...
สำหรับบางคนที่อ่านแล้วรู้สึกกลัว ก็จงอย่ากลัวเลยครับ เพราะคุณเองก็เคยผ่าน
ที่เหล่านั้นมาแล้วเรียกว่านับรอบกันไม่ถ้วนแล้วล่ะ ..
เรียกว่าถ้าไปอีกที คุณอาจจะจำชื่อยมทุตได้ แล้วคุยกันได้ถูกคอด้วยน่ะ
พระอาจารย์ท่านว่า ปุถุชนเรามีแค่สองทางเลือกเท่านั้นที่ให้เลือกได้
คือ ไม่บุญก็บาป เราไม่เหมือนนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านไม่เลือกอะไรสักอย่าง
ท่านไม่เอาทั้งบุญ แล้วก็บาป ท่านละได้ทั้งกิเลส ถึงได้เรียกว่า ความว่างเปล่าน่ะ
หรือนิพพานนั่นเอง
พระอาจารย์ท่านถามว่า สัตว์นรกเค้ากินอะไรกัน .... นั่งคิดกันอยู่นาน
พระอาจารย์ท่านว่า .. ก็บาปไง ในนรกมีแต่บาปเท่านั้นที่มีให้กิน
ในสวรรค์เค้ากินอะไร ก็บุญไง บุญที่เราทำ ทุกอย่างที่เราทำมันจะไปรอเราอยู่
ในภพหน้า ถ้าเราทำดี เราก็จะไปเสวยสุขบนสวรรค์ที่เราทำ
แต่ถ้าเราทำชั่ว เราก็จะได้รับผลชั่วในภพหน้า...
ดังนั้นแล้ว ทำบุญกันเยอะๆนะครับ .. บุญไม่จำเป็นน่ะครับ
ที่เราจะต้องจ่าเป็ฯเงินก้อนโต .. เพียงเรามีใจที่จะเสียสละ
ละ วาง ปล่อย ไม่ยึดถือ เท่านั้น พระอาจารย์อำนวยท่าเคยเล่าให้ฟังว่า
ตัวบุญนั้นคือความสบายใจ เวลาที่เราถวายของพระ หรือเวลาที่เราทำดี
อะไรก็ตาม ให้สังเกตที่ใจเรา เมื่อใดกตามที่เรารู้สึกปิติขึ้นในใจ
เมื่อนั้นหล่ะ นั่นหล่ะที่เรียกว่าบุญ บุญคือความสบายใจ คือความปิติของใจ
มีเท่านี่น่ะคับ .. ที่จะเล่าในคืนนี้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น