ความรักที่เรามีเนี่ย เวลาที่เรามีมัน มันก็ช่างดูดีมีความสุขเนอะ ..
เรามองเห็นแต่ความดีของคนที่เรารัก มันลอยเต็มมมม ไปหมด
แต่พอเวลาที่มีปัญหากันถึงขั้นที่จะเลิกกันเนี่ย ... ไอ้ความดีของคนที่เรารัก
มันไม่รู้หายไปไหนหมด .. ไอ้ความสุขที่ทั้งสองคนต่างมีให้กัน มันเหมือนกับ
มีเมฆหมอกมาปกคลุมให้มองไม่เห็น ไม่สิ หมอกยังพอลางๆ นี่คงเป็นภูเขาลูกโตๆ
ที่มันกั้นเอาไว้ไม่ให้เห็นน่ะ ..
เรามักจะมองเห็นแต่สิ่งที่เราพยายามอดทนทำ .. ทำเพื่อให้ความรักมันเป็นตัวตนขึ้นมา
แต่ไม่ได้มอง ไม่ได้คิดเลยน่ะว่า ไอ้ความรักที่กำลังก่อตัวเป็นรูปร่างมา มันไม่ได้เกิดขึ้นมา
ลำพังด้วยความลำบากของเราคนเดียว .. แต่มันเป็นตัวตนได้จากคนทั้งสองคน
ที่ทนสู้ ฝ่าฟันปัญหามาด้วยกัน
ถ้าตอนนั้นจะให้ต่างฝ่ายพูด มันก็จะคงมีแต่เพียงว่า ชั้นเหนื่อยมาตั้งมากมาย
ชั้นต้องอดมามากมาย อะไรที่ชั้นอยากได้ อยากทำ อยากไป ชั้นก็ต้องอด ต้องคิด
ต้องเผื่อใจ ตั้งตัดใจ ชั้นเหนื่อย ชั้นเบื่อ มันสุดแล้วสำหรับชั้น ..
มันจะเป็นคำพูดที่ออกมาจากทั้งสองคน เหมือนกันเด๊ะ ..
ไม่มีใครสักคน ที่จะคิดถึงความลำบากของอีกฝ่าย เช่นว่า เค้าต้องเหนื่อยกับชั้น
ชั้นเห็นเค้าแล้วสงสาร อะไรที่เค้าอยากได้ เค้าก็ต้องอดใจ อะไรที่เค้าอยากไป อะไรที่เค้าอยากกิน
เค้าก็ต้องคิด ต้องตัดใจ .. ทำไมเค้าช่างดีกับชั้นถึงขนาดนี้ ถ้าเค้ามีคนอื่นที่ดีกว่าชั้น
เค้าคงสบายกว่าที่อยู่กับชั้นนะ
มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์น่ะ ที่คนเรามักจะชอบติดอยู่กับความสุข
ความสบาย เมื่อไหร่ที่คนเราได้รับความสุขไม่ว่าจะจากอะไรก็แล้วแต่
เราก็จะยินดีกับความสุขนั้น จนบางครั้งเราเองก็ลืมไปว่าความสุขที่เกิดขึ้นมา
มันเกิดมาจากไหน .. มันจีรังหรือเปล่า .. มันจะทำอย่างไรที่จะเกื้อกูลให้ความสุขนั้น
จะอยู่คู่กับเราไปได้ตลอดไป
เราอาจจะลืมไป ว่าการอยู่ร่วมกัน มันเป็นการแชร์ทุกอย่างร่วมกัน
ไม่ว่าจะสุข ไม่ว่าจะทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นคนคนเดียวกัน
บางครั้งก็ลืมไปว่า เมื่อไหร่ที่เราเหนื่อย อีกคนก็เหนื่อยด้วย
เมื่อไหร่ที่เราไม่สบาย อีกคนก็ไม่สบายด้วย
ความรู้สึกทุกอย่างมันจะเป็นของกันและกัน
แค่การเป็นแฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานกัน ... ถ้าเราลืมคำว่ารักไปหมด
แล้ว มันก็ยากนะ ที่จะมาอยู่ร่วมชีวิตกันได้
นี่หล่ะคือสิ่งที่เราลืม ..
ผมได้ฟังสองคนที่กำลังจะเลิกกัน ไม่มีคำพูดอะไรเลยที่ทั้งคู่จะพูดในด้านดีของอีกฝ่าย
ต่างคนต่างพูดถึงแต่ความดีของตนเองที่ได้ทำ จริงอยู่แม้ว่าทั้งสองจะไม่พูดสิ่งไม่ดีของอีกฝ่ายก็ตาม
แต่นั้นมันก็แสดงออกมาได้ ถึงความเป็นปกติชนของมนูษย์เราเอง ..
ถ้าทั้งสองคนจะหยุดคิดกันสักนิด .. คิดย้อนไปถึงสิ่งที่อีกคนพยายามทำให้เรามีความสุข
คิดถึงที่มาของความสุขที่เราได้รับ คิดถึงความลำบากที่ทั้งสองคนได้ร่วมรับกันมา
หรือถ้าคิดไม่ออก ก็หยุดคิด ... รอให้ความคิดเราสงบ ...
รอให้อัตตาในตนมันหยุด รอให้กิเลส โทษะ โมหะ และอวิชชามันจางหาย
ัปัญญามันก็ย่อมต้องเกิด ความดีก็สามารถแทรกตัวเข้ามาได้
หวังใจอยู่ว่าทุกอย่างมันจะออกมาในแนวทางที่ดี
หวังใจอยู่ว่า ทั้งคู่จะคิดออกถึงความดีที่อีกฝ่ายได้ทำให้กับเรา
หวังใจอยู่ว่าจะไม่มีใคร ต้องมาเจ็บปวด และทรมารเหมือนกันกับ
ที่ผมและคนที่ผมรัก กำลังเป็นกันอยู่...
เพราะผลจากการที่เราได้ตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว
มันยากยิ่งนักที่จะย้อนกลับมาให้มันดีเหมือนเดิม ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น