12/8/51

นิทานจากท้องฟ้า


* _*_** _*_** _*_** _*_** _*_** _*_*


.....สมัยก่อนท้องฟ้าเป็นสถานที่มืดๆว่างๆ
เป็นดินแดนไร้กาลเวลา ต่างจากปัจจุบันที่พอเช้าท้องฟ้าก็สว่าง
พอตกเย็นท้องฟ้าก็เป็นสีแดงๆ ส้มๆ เหลืองอมชมพูๆ
ตกดึกท้องฟ้าก็เป็นสีดำและมืดมิด.....

..... ท้องฟ้าสมัยก่อนพอมีดวงอาทิตย์ขึ้นเมื่อไร...
เมื่อนั้นแหละ จึงจะมีแสงส่องสว่าง
ถ้าวันใดอาทิตย์ไปส่องแสงก็มืดมิดไปเหมือนเวลากลางคืนของปัจจุบัน .....

ส่วนถ้าดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมดวงจันทร์แล้วละก็
ดวงจันทร์จะเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆบนท้องฟ้าไปเลย
ที่น่าแปลกคือ ถ้าดวงอาทิตย์ไม่ขึ้นหรือตกไปแล้ว
จะมีดวงดาวน้อยๆออกมาวิ่งเล่น ....

..... และบางทีจะมีดวงจันทร์คอยส่องแสงสีนวลหยอกล้อกับดวงดาว
เหมือนกับผ้าสีดำที่โรยไปด้วยเพชรล้านเม็ดกับอำไพสีเหลืองหนึ่งเม็ดใหญ่
แปะบนท้องฟ้า สวยงามมาก ..........

ณ.ขณะหนึ่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นมาบนท้องฟ้า
โลกบนดินแดนไร้กาลเวลาก็ถูกปลุกขึ้น
แสงเจิดจ้าปลุกให้ท้องฟ้าและก้อนเมฆลุกขึ้นมาวิ่งเล่นกัน
ส่วนดวงจันทร์ก็ยังพอมีแสงยังคงค้างอยู่ที่ดินแดนนั้น
ดาวดวงน้อยก็หายวับไปกับตา เหลือแต่กาลเวลาที่เริ่มขึ้นมาใหม่ .....

.....ยิ่งนานเท่าใดแสงของดวงอาทิตย์ก็ร้อนแรงตามกาลที่ผ่านพ้นไป
ท้องฟ้าและก้อนเมฆก็ยังคงวิ่งเล่นกันอยู่ ......
ท้องฟ้าลืมความสำคัญเกี่ยวกับก้อนเมฆไปอย่างหนึ่ง
ถ้าหากเมื่อใดพระอาทิตย์ยังคงส่องแสงไม่ยอมตกดินแล้ว
ความร้อนที่เกิดขึ้นจากกาลเวลาที่ผ่านไปนั้น ........

........จะแผดเผาตัวของก้อนเมฆให้สลายไป
ส่วนตัวของก้อนเมฆนั้นก็เล่นกับท้องฟ้าจนลืมเวลาที่ผ่านพ้นไป ทั้
งคู่ปล่อยให้ใจหลงไปกับความสุขที่ได้รับจนลืมกาลเวลาที่ผ่านไปโดยไม่มีวันหยุด
จนสิ่งที่ทำนั้นส่งผลร้ายมาถึงตน ........

.....สายไปเสียแล้วสำหรับทั้งคู่
แสงดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงขึ้นตามเวลาไล่สาดส่องทั้งคู่
ท้องฟ้าพยายามเต็มที่เพื่อพาก้อนเมฆาหลบในที่ร่ม
แต่ก็สายไปเสียแล้ว สายไปจริงๆ ......

.....ความร้อนแห่งกาลเวลาเผาตัวของก้อนเมฆทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด
แต่สิ่งที่ก้อนเมฆได้ฝากไว้กับท้องฟ้าคือ คำสัญญาที่อยู่เหนือกาลเวลา ว่า
"...หากวันไหนที่ท้องฟ้าเห็นแสงสีฟ้าสวยงามสดใสในตัวเอง
วันนั้นก้อนเมฆจะกลับมาหาท้องฟ้าใหม่...
กลับมาเป็นเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันนิรันดร์ตลอดไป..."

...ความเศร้าที่ได้เห็นเพื่อนรักต้องจากไปต่อตา
ท้องฟ้าเห็นว่านั้นเป็นความผิดของตนที่ลืมสิ่งสำคัญไป
และเห็นความสุขที่ได้รับนั้นสำคัญกว่า ....

T_T .....จึงเสียใจเป็นที่สุด !!!!!!
พร้อมให้สัญญากับก้อนเมฆว่า
"...จะต้องมีสักวันที่ท้องฟ้าได้เห็นความงามในตัวเอง
แต่ก้อนเมฆจะต้องกลับมาหาท้องฟ้าใหม่
เมื่อถึงเวลานั้น เราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ท้องฟ้าจะไม่ลืมความสำคัญและเวลาอีกต่อไป..."

......ก้อนเมฆสีขาวค่อยหายไป
และกลายเป็นน้ำหยดเล็กๆ ที่บนโลกมนุษย์เรียกกันว่า "น้ำฝน"
ที่แท้แล้วน้ำฝนก็เกิดจากความเศร้าของเวลานี้เอง ...

น้ำหยดเล็กๆเล่านั้น!!!!!!!!!!!!!!!
ตกลงจากโอบกอดของท้องฟ้าที่โอบกอดก้อนเมฆเพื่อนรักไว้

..... กาลเวลาผ่านไป
ก้อนเมฆก็ผ่านไปตามเวลา
ผ่านไปแบบทีละนิด จนหายไปหมด
ไม่เหลือแม้แต่สีขาวของก้อนเมฆในอ้อมแขนของท้องฟ้า

........ก้อนเมฆกลายเป็นน้ำฝนตกลงสู่พื้นดิน
ลงบนดินแดนแห่งกาลเวลา กลายเป็นลำธารสายน้อย.............
กลายเป็นเป็นบึงเล็กๆ แอ่งน้อย กลายเป็นลำคลองยาวๆ คล้ายหนอน
กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ๆ คล้ายอนาคอนด้า กลายเป็นเป็นทะเลที่กว้างขวาง
กลายเป็นห้วงมหาสมุทรใหญ่โตมโหฬาร......
กลายเป็นน้ำตาของท้องฟ้าและก้อนเมฆ !!!!!

ท้องฟ้าเสียใจ
ร้องไห้ฟูมฟาย
ดินแดนไร้กาลเวลาผ่านพ้นไปเท่าไร
ท้องฟ้าก็ดูไม่เป็นสีฟ้าสักที แต่กลับเป็นสีดำมืดมัวและหมองเศร้า
น่าสงสารท้องฟ้าจริงๆ

แล้วเมื่อไรที่ท้องฟ้าจะได้เห็นสีฟ้าสักที
เมื่อไรที่ท้องฟ้าจะได้เพื่อนรักกลับคืนมา?
ท้องฟ้าลืมคำสัญญาที่ก้อนเมฆมีให้ไว้ไปแล้วหรือ?
ถึงได้ร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้ .....

ยังคงมีเวลาอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลา ........
เวลาที่เกิดขึ้นจาก ณ.ช่วงหนึ่งที่ทำให้ท้องฟ้านึกถึงคำสัญญา
ที่ให้ก้อนเมฆและตนได้ให้ไว้ซึ่งกันและกัน

.....ท้องฟ้าคิดว่า " ...
ถ้าเราไม่หยุดร้องไห้ แล้วเราจะได้เห็นสีฟ้าของตัวเองได้อย่างไร
และที่สำคัญที่สุดถ้าเราหยุดร้องไห้เสียใจ
เพื่อนรักของเราต้องกลับมาแน่ สัญญานะ สัญญา..."

ณ. ช่วงเวลาที่ท้องฟ้านึกถึงคำสัญญานั้นได้
ท้องฟ้าหยุดร้องไห้เศร้าซึม ยิ้มรับความรัก,
คำสัญญาและกาลเวลากับตัวเอง

แล้วปล่อยให้แสงของดวงอาทิตย์แผดเผาให้แสงร้อน
รอและรอให้ถึง ณ.ช่วงเวลาหนึ่งที่ก้อนเมฆจะกลับมาหาท้องฟ้า
ตามสัญญาที่ช่วงเวลาหนึ่ง .....

ณ.ช่วงเวลาหนึ่งที่ดินแดนไร้กาลเวลา......
ได้ปล่อยให้แสงอาทิตย์แผดเผาไปเรื่อยๆ
ไอน้ำก่อตัวขึ้นจากความร้อนที่ได้รับจากดวงอาทิตย์
ไอน้ำที่เกิดจากสายธารสายน้อย .....
ไอน้ำที่เกิดจากบึงเล็กๆ คลองยาวๆ
ไอน้ำที่เกิดจากแม่น้ำสายใหญ่ๆ ทะเลที่กว้างขวาง
ไอน้ำที่เกิดจากมหาสมุทรใหญ่โตมโหฬาร

......น้ำตาของท้องฟ้าและก้อนเมฆ !!!!
ก้อนเมฆก่อตัวเป็นปุยเมฆสีขาวขึ้นบนท้องฟ้าสีฟ้าคราม
สวยงามในตัวเอง ......

สิ่งที่สวยงามในตัวเองที่เกิดจากความรัก,
คำสัญญาและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ...

ทั้งคู่โผกอดกันในอ้อมแขนของทั้งสอง
และแนบแน่นไปด้วยความรัก....

ที่เกิดจากคำมั่นและความเชื่อใจในสัญญา
รวมทั้งความจริงของกาลเวลาที่มีอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลา ......

ทุกสิ่งเป็นได้ถ้าให้เวลากับมัน .............
...คุณคงไม่สงสัยแล้วสิว่า ?????

ทำไม???
ในโลกแห่งกาลเวลา ....ในยุคของเราในปัจจุบันนี้ ......
ท้องฟ้าจึงไม่ยอมแยกขาดจากก้อนเมฆแม้แต่นิด ...

* _*_** _*_** _*_** _*_** _*_**

The end

3/8/51

โอม

....

๑โอม อธิษฐานถึงชาติหน้า.........ข้าน้อยนี้ ขอรักแล้งไร้

ให้หนวก บอด ใบ้.........เป็นตอไม้ไส้เดือนกิ้งกือไป ฯ

๒ อย่ารู้เลยว่าแหล่งหล้า.........และฟากฟ้านั้นงามเพียงไหน
ซื่อโง่บ้ากว่าใครใคร.........ดวงใจดิบด้านดั่งแผ่นดิน ฯ

๓ ซากจงกลิ้งกลางทราย.........กระจุยกระจายสลายสิ้น
ให้แร้งกาหมาไก่กิน.........ยินไว้เถอะนะพระเอย ฯ

...

2/8/51

จดหมายรัก

๑ โอ้ลมหายใจเข้าออก...................สาวเจ้าราวลมหายใจนั้น
คะนึงถึงบ่เว้นคืนวัน
...................มิ่งขวัญเสมอทาสอนาถใจ ฯ

๒ สาวน้อยอย่างนางนฤมิต
...................ชุบชีวิตเฟื่องฟื้นขึ้นใหม่
เติมปีติสุขให้หฤทัย
...................เปี่ยมไปด้วยทิพย์ทุกนาที ฯ

๓ ข้าน้อยปราถนามากกว่ามาก
...................อยากได้แก้วแววตาวิเศษศรี
มุ่งหวังไว้อยู่คู่ชีวี
...................มีคุณค่ากว่าสรรพสิ่งใดฯ

๔ จะทะนุถนอมอ้อมสาวเจ้า
...................ราวทะนุถนอมชีวิตแจ่มใส
ถึงล่มดินสิ้นฟ้าชลาลัย
...................ก็ไม่สิ้นเยื่อใยไมตรี ฯ

๕ ชะรอยชาติเก่าเราทั้งสอง
...................ต้องทำบุญกุศลวิสุทธิ์ศรี
ร่วมสร้างกันมากว่าโกฏิปี
...................ณ ชาติภพนี้จึ่งพบกัน ฯ

๖ คงจะเป็นบุพเพสันนิวาส
...................แต่ชาติปางหลังขลังแม่นมั่น
บันดาลพี่ปรานีแบ่งปัน
...................แด่น้องนั้นสิ้นทั้งวิญญาณ ฯ

๗ ทั้งปัฐพีบ่เคยมีนางใด
...................รักจับใจสั่นไหวสะเทือนสะท้าน
แม่นแล้วนางแก้วฟ้าประทาน
...................ไว้ร่วมหวานชื่นฟื้นชีวา ฯ

๘ แม้เราสองต้องห่างไกลกัน
...................ขวางกั้นด้วยเขาเขียวขอบฟ้า
แต่มิ่งขวัญพี่พลันลอยมา
...................เพ้อหาจอมใจไป่กลับคืน ฯ

๙ ลิ่วพู้นเวียงใต้เขาเหงาหงอย
...................ชลเนตรย้อยทุกข์ระทมขมขื่น
เมตตาวาจาน้องหวานชื่น
...................ตื้นตันใจให้ไปสักคำ ฯ

๑๐ เพียงเพื่อได้มีชีวิตอยู่
...................รอคอยผู้ประเสริฐเลิศล้ำ
คืออัปสรอ้อนแอ้นละแมนนำ
...................อำมฤตฟ้ามากำนัลดิน ฯ

๑๑ จะหอมเท้าของน้องแก้ว
...................แม่นแล้วสุดสวาทบ่วายถวิล
ป่าวจบเวิ้งจักรวาลสิ้น
...................ร่วมยินดีในน้ำใจนาง ฯ

๑๒ ตราบร่างป่นเปื่อยเป็นผงธุลี
...................รักนี้อมตะอยู่อย่ารู้ร้าง
เปี่ยมสุนทรีย์ดีงามท่ามกลาง
...................ระหว่างแหล่งหล้าฟ้าต่อกัน ฯ

๑๓ ถ้าพี่จุติใหม่ในโลก
...................โชคดีได้หลงไหลในใฝ่ฝัน
มารักซ้ำรอยชาติเก่านั้น
...................เฉพาะแต่จอมขวัญพริ้มเพราเอย...

เสียเจ้า

๑เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า ซบหน้าติดดินกินทรายฯ

๒.จะเจ็บจำไปถึงปรโลก ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายว่าจะให้หัวใจฯ

๓.ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์ ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้ ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณฯ

๔.แม้แต่ธุลีมิอาลัย ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

๕.ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ